ราคาทองคำทรงตัว หลังจากทรัมป์กระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยด้วยมาตรการภาษี
(บลูมเบิร์ก) – ราคาทองคำทรงตัวหลังจากที่มีการขยับขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีจากคู่ค้า ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจโลก และกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ทองคำแท่งซื้อขายใกล้ระดับ 2,892 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อวันจันทร์ โดยผู้นำสหรัฐกล่าวว่าเม็กซิโกและแคนาดาไม่สามารถเจรจาเรื่องการผ่อนผันภาษีศุลกากรที่จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคารได้ และลงนามในคำสั่งเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจากจีนเป็น 20% เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ตกเป็นเป้าความสนใจเช่นกัน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมกล่าวว่าสหรัฐจะระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ผลสำรวจภาคการผลิตเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ทำให้บรรดานักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่ชะลอตัว อัตราผลตอบแทนที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อโลหะมีค่า เนื่องจากโลหะมีค่าไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย
หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ราคาทองคำก็ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ของปี 2025 เมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเทขายทำกำไร นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs Group Inc. กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าความไม่แน่นอนของนโยบายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมถึงความกลัวเรื่องภาษีศุลกากร อาจช่วยผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงถึง 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้
ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนในวันจันทร์ทำให้มีตัวบ่งชี้อื่นๆ ที่น่าผิดหวังในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะที่อยู่อาศัยที่อ่อนแอลง การเรียกร้องเงินช่วยเหลือการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่ลดลง รายงานดังกล่าวทำให้มีการเดิมพันเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับทองคำแท่งในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนอีกด้วย