ทองคำร่วงกว่า 1% หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย และข้อมูลสหรัฐฯแข็งแกร่ง

(รอยเตอร์) – ราคาทองคำร่วงลงมากกว่า 1% ในวันพุธ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งก็ยิ่งทำให้ความน่าสนใจของสินทรัพย์อัตราผลตอบแทนเป็นศูนย์ลดน้อยลงไปอีก

* ราคาทองคำXAU=พุ่งขึ้น 0.4% อยู่ที่ 3,291 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ในการซื้อขายก่อนหน้า

* สัญญาทองคำล่วงหน้าGCcv1 ของสหรัฐ ลดลง 0.5% อยู่ที่ 3,282.10 ดอลลาร์

* ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯออกประกาศภาษีนำเข้าครั้งใหญ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยมีตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีนำเข้าทองแดงและสินค้าจากบราซิลที่เคยขู่ไว้ ไปจนถึงการยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่าเล็กน้อยจากต่างประเทศ

* ทรัมป์ประกาศข้อตกลงกับเกาหลีใต้ โดยสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ในอัตรา 15% พร้อมยืนยันการเจรจากับอินเดียที่ยังคงดำเนินอยู่ หลังจากประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียในอัตรา 25% มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เขายังแสดงความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับจีนโดยระบุว่าเขาคาดหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรม

* ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ และความเห็นของประธานธนาคารกลางเจอโรม พาวเวลล์หลังจากการตัดสินใจดังกล่าว ทำให้ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนลดน้อยลง

* ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

* ตลาดรอข้อมูลดัชนี PCE หลักของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในช่วงบ่ายวันนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามผลสำรวจของ Reuters

* การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯฟื้นตัวมากกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสที่ 2 แต่การวัดดังกล่าวกลับเกินจริงอย่างมากเกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจ เนื่องจากการนำเข้าที่ลดลงมีส่วนสำคัญในการปรับปรุง และอุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง

* ราคาเงินสปอตXAG=ทรงตัวที่ 37.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาแพลตตินัมXPT=ลดลง 0.3% อยู่ที่ 1,308.85 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมXPD=เพิ่มขึ้น 0.9% อยู่ที่ 1,216.25 ดอลลาร์