ทองคำเตรียมขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังข้อมูลสหรัฐฯ หนุนความหวังลดอัตราดอกเบี้ย
12 ก.ย. (รอยเตอร์) -ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ และมุ่งหน้าสู่การปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานของสหรัฐฯที่อ่อนแอ ลง บดบัง ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
* ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 3,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งเพิ่มขึ้น 1.4% ในสัปดาห์นี้
* ราคาทองคำล่วงหน้าGCcv1 ของสหรัฐ สำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคม ทรงตัวที่ 3,674.20 ดอลลาร์
* ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนสิงหาคม ซึ่ง ถือเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือน ที่สูงที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาที่อยู่อาศัยและอาหารที่สูงขึ้น ขณะที่ข้อมูลเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นถึง การลดลงอย่างไม่คาดคิดของ ดัชนีราคา ผู้ผลิตของสหรัฐฯในเดือนสิงหาคม
* จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน รายสัปดาห์ พุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเน้นย้ำถึงภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลงอย่างมาก หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯระบุว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอาจถูกรายงานเกินจริงถึง 911,000 ตำแหน่งในช่วง 12 เดือนที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม
* เป็นผลสืบเนื่องมาจากรายงานการจ้างงาน เมื่อวันศุกร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเติบโตของงานเกือบจะหยุดชะงักในเดือนสิงหาคม
* นักเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งหมด 107 คนจาก การสำรวจของรอยเตอร์สคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยหลักลง 25 จุดพื้นฐานในวันที่ 17 กันยายน เนื่องจากภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงบดบังความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ โดยนักเศรษฐศาสตร์ ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะ ลดอัตราดอกเบี้ย อีกครั้งในไตรมาสหน้า
* อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีUS10YT=RR ทรงตัวใกล้ ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ(DXY)มีแนวโน้มลดลงรายสัปดาห์US/ USD/
* ทองคำแท่งราคาเท่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,673.95 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร มักถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอน และมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
* ในขณะเดียวกัน รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้อง ต่อศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง เมื่อวันพฤหัสบดีเพื่ออนุญาตให้ทรัมป์ปลดลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่งไปก่อน หลังจากที่ผู้พิพากษาได้ตัดสินว่าทรัมป์อาจไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น