ทองปิดร่วง $28.5 หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง-นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (3 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.6% และจากการที่นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง และหันเข้าซื้อหุ้น หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 28.5 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 1,800.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 54.2 เซนต์ หรือ 2.32% ปิดที่ 22.81 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 12.2 ดอลลาร์ หรือ 1.26% ปิดที่ 954 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 86.10 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 1,826 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.6% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทำนิวไฮในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากผลการวิจัยบ่งชี้ว่า แม้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ในระดับต่ำ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองจะยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าราคาทองจะร่วงแตะระดับ 1,650 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้
ที่มา – อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]