ทองปิดลบ 3.5 ดอลล์ เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,851.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 25.802 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 15.7 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 1,126.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 26.20 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 2,423.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.09% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.834%
สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้น 0.9%ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ขณะที่ดัชนีราคาส่งออกพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยล่าสุดนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan” ซึ่งมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ที่มา – อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]