ราคาทองคำพุ่งขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่แนวโน้มสงครามการค้าแบบเต็มรูปแบบก่อให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกและภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าภาษีเพิ่มเติมต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะมีผลบังคับใช้ในช่วงบ่ายวันนี้ โดยเน้นย้ำว่าจะไม่มีการยกเว้นใดๆ เกิดขึ้นทันที
จีนเผชิญกับการขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อยู่ที่ 104% หลังจากที่จีนไม่ยอมยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ภายในเที่ยงวันอังคารตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดไว้
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาจะประกาศภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ยา “ครั้งใหญ่” ในเร็วๆ นี้
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังรอการเผยแพร่บันทึกการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในภายหลังวันนี้ เพื่อประเมินความเจ็บปวดของผู้กำหนดนโยบายในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันพุธ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และหุ้นส่วนการค้าสำคัญที่ทวีความรุนแรงขึ้น ท่ามกลางความกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
ภาษีศุลกากรจะสูงเป็นพิเศษสำหรับจีน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 104% เพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากรตอบโต้ของจีน จีนปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อสิ่งที่เรียกว่าการแบล็กเมล์ และให้คำมั่นว่าจะ “ต่อสู้จนถึงที่สุด”
* ในขณะเดียวกัน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก แมรี่ เดลีย์ กลายเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐฯ คนล่าสุดที่กล่าวว่าไม่มีความเร่งด่วนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันอังคารนี้
* ตลาดกำลังรอผลการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้
* นอกจากนี้ ผู้ซื้อขายยังรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีและดัชนีราคาผู้ผลิตในวันศุกร์ เพื่อให้ทราบข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) แสดงให้เห็นว่า กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำที่มีการหนุนหลังทางกายภาพ (ETF) มีเงินไหลเข้ารายไตรมาสสูงสุดในรอบ 3 ปีในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568