ราคาทองคำพุ่งขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หลังทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน

ราคาทองคำพุ่งขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หลังทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี เพิ่มขึ้น 1% ทำจุดสูงสุดที่ 3,119 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ที่สุดของโลก แม้ว่าเขาจะตัดสินใจลดภาษีนำเข้ากับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศเป็นการชั่วคราวก็ตาม

ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 3,113 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3,167.57 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 3 เมษายน สัญญาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.7% อยู่ที่ 3,132 ดอลลาร์

* ทรัมป์ตัดสินใจเปลี่ยนท่าทีอย่างน่าตกตะลึงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยตัดสินใจลดอัตราภาษีศุลกากรที่เพิ่งกำหนดให้กับหลายสิบประเทศเป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อจีนให้มากขึ้น

* ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% จากระดับ 104% ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งสองประเทศได้ขึ้นภาษีตอบโต้กันหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

* ทองคำ ซึ่งโดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง มักจะเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ตามรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ผู้กำหนดนโยบายมีมติเกือบเป็นเอกฉันท์เมื่อเดือนที่แล้วในการเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นควบคู่ไปกับการเติบโตที่ช้าลง โดยบางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องเผชิญกับ “การแลกเปลี่ยนที่ยากลำบาก” ในอนาคต

* ผู้ซื้อขายรอคอยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วง19.30 น.วันนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิตในวันศุกร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

Share this post