ราคาทองคำฟื้นตัวจากความตึงเครียดในสงครามการค้าส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น

ราคาทองคำฟื้นตัวจากความตึงเครียดในสงครามการค้าส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับประมาณ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันอังคาร ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบสี่สัปดาห์ในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลว่าสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ส่งผลให้มีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 50% เริ่มตั้งแต่วันพุธนี้ เว้นแต่ปักกิ่งจะยกเลิกภาษีตอบโต้ 34%

ในเวลาเดียวกัน สหภาพยุโรปได้เสนอมาตรการภาษีตอบโต้ 25% สำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดที่จะมีขึ้นในวันพุธ รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภคในวันพฤหัสบดี และรายงานราคาผู้ผลิตในวันศุกร์ เพื่อดูสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

สงครามการค้าโลกที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้นในวันจันทร์ โดยที่ทรัมป์ขู่ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้ากับจีน และขณะที่สหภาพยุโรปเสนอมาตรการภาษีตอบโต้

* ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่ได้พิจารณาที่จะหยุดชะงักภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจากับพันธมิตรทางการค้า แต่กล่าวว่าเขาจะเข้าร่วมการหารือกับจีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ เกี่ยวกับภาษีดังกล่าว

* ทองคำ ซึ่งใช้เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเงิน พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,167.57 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 3 เมษายน

* ตลาดจะติดตามรายงานการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันพุธอย่างใกล้ชิด

* นอกจากนี้ ผู้ซื้อขายยังรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาผู้ผลิตในวันศุกร์ เพื่อรับข้อมูลอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ท่ามกลางสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นและความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย

*ขณะนี้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าชี้ไปที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงราว 93 จุดพื้นฐานภายในเดือนธันวาคม (FEDWATCH)

Reuters

Share this post