ราคาทองคำแท่งสัปดาห์นี้ขึ้นมา 0.3% จับตานโยบายของเฟดและทรัมป์ในปี 2025
- สัปดาห์นี้ทองคำแท่งขึ้น 0.3%
- เงิน แพลตตินัม และแพลเลเดียมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์
- อิสราเอลโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน
ราคาทองร่วงลงเล็กน้อยในการซื้อขายเบาบางในวันศุกร์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็นรายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรอสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อคาดการณ์แนวทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สำหรับปี 2568 และนโยบายใหม่ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
ทองลดลง 0.2% เหลือ 2,630.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเช้านี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 0.3% ในสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ ทองลดลง 0.2% เหลือ 2,649.10 ดอลลาร์
“การตัดสินใจ (ลดอัตราดอกเบี้ย) ส่งผลให้ตลาดเกิดความไม่มั่นใจในจำนวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า และนั่นเป็นอุปสรรคต่อทองคำ”
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอาจเกิดแรงกดดันให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้
หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเข้มงวดในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน เฟดก็ยังคงผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม แต่แย้มว่าจะมีการปรับลดน้อยลงในปี 2568
ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 28% ในปีนี้ และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,790.15 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของเฟด และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น
ในระดับภูมิรัฐศาสตร์ อิสราเอลโจมตีเป้าหมายกลุ่มฮูตีหลายแห่งในเยเมนเมื่อวันพฤหัสบดี รวมถึงสนามบินนานาชาติซานา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ตามรายงานของสื่อกลุ่มฮูตี
ทองคำถือเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเงินเฟ้อ แต่อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าจะลดความน่าสนใจของสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนลง
ตลาดกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญๆ รวมถึงภาษีศุลกากร การยกเลิกกฎระเบียบ และการเปลี่ยนแปลงภาษีในปี 2568 เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม