เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ หลังจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร

เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ หลังจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักลงทุนเทน้ำหนักมากกว่า 90% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานสูงกว่าคาด แต่อัตราว่างงานที่สอดคล้องคาดการณ์ และดีดตัวขึ้นจากเดือนต.ค. ได้บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานไม่ได้ร้อนแรงเกินไปจนส่งผลกระทบต่อทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 16.6% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงาน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 202,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนและมิลตันที่พัดถล่มสหรัฐ รวมทั้งการผละงานประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.1% ในเดือนต.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค.เป็นเพิ่มขึ้น 36,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 194,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่ภาครัฐมีการจ้างงาน 33,000 ตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.9%

เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.5%

Share this post