ทองปิดพุ่ง $48.9 เหตุดอลล์อ่อน,บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนแรงซื้อ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กทำสถิติปิดพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 48.9 ดอลลาร์ หรือ 2.51% ปิดที่ 1,998.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.578 ดอลลาร์ หรือ 6.05% ปิดที่ 27.667 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ 967.6 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 90 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 2,233.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ รวมทั้งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.25% แตะที่ 92.8591 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากหลายประเทศยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิวซีแลนด์ซึ่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ติดต่อกันหลายวัน จนทำให้รัฐบาลตัดสินใจเลื่อนกำหนดจัดการเลือกตั้งออกไป 4 สัปดาห์ เป็นวันที่ 17 ต.ค.นี้ จากเดิมที่เคยกำหนดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.
ขณะที่การแพร่ระบาดในออสเตรเลียยังน่ากังวล หลังพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 จำนวน 25 รายในรัฐวิกตอเรียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสถิติผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดของออสเตรเลีย โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐวิกตอเรียประกาศขยายเวลาการใช้มาตรการฉุกเฉินออกไปอีก 4 สัปดาห์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
นักวิเคราะห์จากบริษัทแอคทีฟเทรดส์ กล่าวว่า ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่ารัฐบาลของประเทศทั่วโลกจะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยล่าสุดธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 7 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.009 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวานนี้ ผ่านทางโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) โดยคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 2.95%
ที่มา – อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]