ทองปิดลบ 7.7 ดอลลาร์ เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) ทำสถิติปิดในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2562 โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 7.7 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,841.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 53.3 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 25.922 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,072.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 11.80 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 67,000 ราย สู่ระดับ 847,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 875,000 ราย จากระดับ 914,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสมาชิกสภาคองเกรสหลายรายทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างพากันท้วงติงเกี่ยวกับวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ท่าทีดังกล่าวของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอาจกดดันให้ปธน.ไบเดนจะต้องลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐ
ที่มา – อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]