ทองปิดลบ $6.5 ดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (6 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3% เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันศุกร์นี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,843.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 18.4 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 22.092 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 1,030.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 7.16% ปิดที่ 1,843.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.29% แตะที่ 102.4370 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังถูกกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับ 3.032% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเนชันแนล ซิเคียวริตีส์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 8.3%
โดย รัตนา พงศ์ทวิช