ดอลลาร์อ่อนค่า หลังดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาด
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กวันอังคาร (15 ต.ค.) หลังเฟดนิวยอร์กเผยข้อมูลน่าผิดหวัง โดยดัชนีภาคการผลิตหดตัวอย่างไม่คาดคิดในเดือนตุลาคม ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.04% แตะระดับ 103.259
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3793 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3802 ดอลลาร์แคนาดา อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 149.28 เยน จากระดับ 149.90 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8628 ฟรังก์ จากระดับ 0.8637 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0897 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3068 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3051 ดอลลาร์
วานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวลงสู่ระดับ -11.9 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +3.4 จากระดับ +11.5 ในเดือนก.ย. ซึ่งดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก
นักลงทุนยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ย. เพื่อหาสัญญาณที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับขนาดหรือช่วงจังหวะของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังเจ้าหน้าที่เฟดแสดงท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยแสดงมุมมองว่าการลดดอกเบี้ยควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป นีล แคชคารี ประธานเฟดมินนิอาโปลิส สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าลง ท่ามกลางข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ บางภาคส่วนบ่งชี้ถึงการชะลอตัว ในขณะที่บางภาคส่วนยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งและข้อมูล CPI ซึ่งมีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ได้ลดความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยแรงถึง 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. โดยล่าสุดบรรดานักลงทุนเทน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมสองครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังเจ้าหน้าที่ ECB เปิดเผยว่า ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงเร็วกว่าที่คาดไว้
ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็อยู่ในความสนใจของนักลงทุน และอาจส่งผลต่อทิศทางของดอลลาร์เช่นกัน หลังหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้แจ้งต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า อิสราเอลมีแผนถล่มเป้าหมายทางการทหารในอิหร่าน โดยจะไม่โจมตีแหล่งน้ำมันหรือโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแต่อย่างใด
ที่มา – โดย ปนัยดา ปัทมโกวิท