กระทรวงการคลังจีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้การค้าของทรัมป์
วอชิงตัน/ปักกิ่ง 4 ก.พ. (รอยเตอร์) – เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จีนได้กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงสุดของโลกขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามลงโทษจีนที่ไม่หยุดยั้งการไหลเวียนของยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
ภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 10 เปอร์เซ็นต์ของทรัมป์สำหรับสินค้าจีนทั้งหมดที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 00:01 น. ตามเวลาตะวันออกของวันอังคาร (0501 น. GMT)
ภายในไม่กี่นาที กระทรวงการคลังของจีนประกาศว่าจะจัดเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและ LNG ของสหรัฐฯ ในอัตรา 15% และจัดเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ทางการเกษตร และรถยนต์บางประเภทในอัตรา 10% โดยภาษีนำเข้าใหม่สำหรับสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ จะเริ่มใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ กระทรวงฯ ระบุ
จีนยังกล่าวอีกว่าได้เริ่มการสอบสวนการผูกขาดใน Alphabet Inc. (GOOGL.O), เปิดแท็บใหม่Google ได้รวม PVH Corp ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของแบรนด์ต่างๆ รวมทั้ง Calvin Klein และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Illumina ของสหรัฐฯ ไว้ใน “รายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ”
นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ของจีนและสำนักงานศุลกากรของจีนยังประกาศใช้มาตรการควบคุมการส่งออกทังสเตน เทลลูเรียม รูทีเนียม โมลิบดีนัม และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับรูทีเนียม เพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ” จีนควบคุมอุปทานแร่ธาตุหายากดังกล่าวจำนวนมากของโลก ซึ่งมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ระงับการขู่ที่จะเก็บภาษี 25 เปอร์เซ็นต์จากเม็กซิโกและแคนาดาในนาทีสุดท้าย โดยตกลงที่จะหยุดการเรียกเก็บภาษีเป็นเวลา 30 วัน เพื่อแลกกับสัมปทานด้านการบังคับใช้กฎหมายตามชายแดนและการปราบปรามอาชญากรรมกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองแห่ง
แต่จีนก็ไม่มีการผ่อนคลายใดๆ เช่นนี้ และโฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่าทรัมป์จะไม่พูดคุยกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจนกว่าจะถึงปลายสัปดาห์นี้
ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกในปี 2561 ทรัมป์ได้ริเริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายเป็นเวลา 2 ปีกับจีน เนื่องจากจีนมีดุลการค้าเกินดุลจำนวนมหาศาลจากสหรัฐฯ โดยมีการเก็บภาษีตอบโต้กับสินค้ามูลค่านับแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก