ราคาทองคำเตรียมขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 เนื่องประธานาธิบดีทรัมป์ จะจัดเก็บภาษีตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ
(บลูมเบิร์ก) - ราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับหลายประเทศ ส่งผลให้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าและเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้น ราคาทองคำแท่งซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองคำแท่งพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานานที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการที่สั่งให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอการจัดเก็บภาษีใหม่ในแต่ละประเทศ ซึ่งกระบวนการนี้อาจใช้เวลาสักระยะจึงจะแล้วเสร็จ ภาษีศุลกากรตอบโต้กันจะเท่ากับเป็นการกระทำที่กว้างขวางที่สุดของทรัมป์ในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ แต่การตัดสินใจของเขาที่จะไม่ดำเนินการดังกล่าวในทันทีอาจถือได้ว่าเป็นการเปิดการเจรจามากกว่าจะเป็นสัญญาณว่าเขามุ่งมั่นที่จะดำเนินการต่อไป ประธานาธิบดีได้จัดเก็บภาษีสินค้าจีนไปแล้ว 10% และมีแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ทั้งหมด 25% ในเดือนหน้า ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,942.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันอังคาร โดยการเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งของทรัมป์ในเรื่องการค้าและภูมิรัฐศาสตร์เน้นย้ำถึงบทบาทของทองคำแท่งในฐานะแหล่งเก็บมูลค่าในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน นักลงทุนกำลังพยายามทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของสหรัฐฯ หากนโยบายของทำเนียบขาวจุดชนวนเงินเฟ้อและชะลอการเติบโตอีกครั้ง ธนาคารต่างๆ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดย Citigroup Inc. ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าคาดว่าราคาจะแตะระดับดังกล่าวภายในสามเดือน ธนาคารกลางต่างๆ รวมถึงของจีน ได้เพิ่มการถือครองทองคำ ขณะที่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่รองรับด้วยทองคำแท่งก็ขยายตัว ซึ่งยังสนับสนุนให้ทองคำเพิ่มขึ้น 12% ในปีนี้ด้วย ราคาทองคำในตลาดสปอตพุ่งขึ้น 0.1% แตะที่ 2,930.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 8:04 [...]