ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดอีกครั้งที่ 3,128 ดอลลาร์
ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,128 ดอลลาร์ ความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีการค้าที่เข้มงวดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังส่งผลให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นวันที่สามติดต่อกัน นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มลดอัตรา ดอกเบี้ย อีกครั้งในเดือนมิถุนายน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงจากมาตรการภาษีศุลกากร ส่งผลให้ราคาทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ยังชี้ให้เห็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลดีต่อการป้องกันความเสี่ยงของโลหะมีค่าจากราคาที่สูงขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบาที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ ร้อยละ 25 ก่อนที่จะมีการจัดเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน นอกจากนี้ วอลล์สตรีทเจอร์นัลยังรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่ารัฐบาลของทรัมป์กำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีการค้ากับประเทศต่างๆ ในวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในช่วงการซื้อขายทองคำในเอเชียเมื่อวันจันทร์ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าเขาโกรธและโมโหประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียมาก และขู่ว่าจะขึ้นภาษีน้ำมันรัสเซียและอาจโจมตีอิหร่านด้วยระเบิด นอกจากนี้ ทรัมป์ยังโจมตีประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน และเตือนว่าเขาจะเผชิญกับปัญหาใหญ่หากถอนตัวออกจากข้อตกลงแร่ธาตุหายากที่สำคัญ เรื่องนี้ยิ่งส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของนักลงทุนและส่งผลต่อการหลบหนีเพื่อความปลอดภัยทั่วโลกขณะเดียวกัน ข้อมูลของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ และ 2.5% จากปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาหลักซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน แสดงให้เห็นว่าเพิ่มขึ้น [...]